หมวดหมู่: เรื่องทั่วไป

 

วิธีแทงบอลสูง-ต่ำนั้น สำหรับนักพนันมืออาชีพคงรู้จักกันดี แต่นักพนันบอลมือใหม่บางท่านอาจจะยังไม่เข้าใจว่าบอลสูง-ต่ำ เขาเล่นกันอย่างไร

---

 

ขออธิบายสั้น ๆ ว่าเขานับเอาจำนวนลูกทั้งหมดที่สามารถยิงได้ในการแข่งขันเป็นหลัก ไม่สนว่าทีมไหนจะยิงได้เท่าไหร่ เช่น ทีม ก ทำได้ 1 ประตู ทีม ข ทำได้ 2 ประตู ก็นับรวมกันเป็น 3 ประตู เป็นต้น

นักพนันจำนวนมากที่นิยมเล่นบอลสูง-ต่ำ เพราะรายได้จากการเล่นดีมาก โดยเฉพาะระหว่างที่ชมการแข่งขันแบบไลฟ์สดในกลุ่มเพื่อนนักพนัน เนื่องจากทำให้เกิดความตื่นเต้นในการลุ้นมากขึ้น ด้วยว่าการแทงบอลแบบสูง-ต่ำนี้จะอาศัยอัตราต่อรองของแต่ละทีมในขณะนั้นมาอ้างอิงประกอบการตัดสินใจ ทั้งยังสามารถเลือกได้อีกว่าจะแทงเต็มเวลา เฉพาะครึ่งแรก หรือเฉพาะครึ่งหลังก็ยังได้ โดยมากแล้วคนส่วนใหญ่ก็มักจะเลือกแทงทีมที่ตัวเองชอบ ดังนั้นจึงไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จในการเก็บเกี่ยวกำไรกันมากนัก วันนี้ทางเราจึงนำเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการแทงบอลสูง – ต่ำ มาเสนอให้แก่นักพนันทุกท่านเผื่อจะได้นำไปใช้ประโยชน์กันได้บ้างไม่มากก็น้อย

• ในการแทงบอลสูง ให้เลือกทีมที่มีอัตราต่อรองมาก ๆ หรือทีมที่มีทักษะการเล่น และฝีเท้าที่ดีในการแข่งขัน เพื่อเพิ่มโอกาสในการชนะให้สูงขึ้น แต่ถ้าทั้งสองทีมต่างก็มีทีเด็ดของตัวเองละก็ขอแนะว่าอย่าลงเล่นจะดีกว่าเนื่องจากโอกาสที่เกมส์จะพลิกนั้นมีสูงมาก ดังนั้นการศึกษาข้อมูล วิเคราะห์แนวโน้มความเป็นได้ต่างๆนั้นยังสามารถใช้ได้ในวิธีการเล่นแบบนี้ ถ้าหากได้เทคนิคอื่นๆมาประยุกต์อีกนิด ปรับปรุงอีกหน่อยก็สามารถเป็นกลยุทธ์ในการเล่นพนันบอลออนไลน์ได้อย่างแยบยลแล้ว
• หากเกมการแข่งขันเริ่มแข่งไปแล้ว 15 นาที แต่ก็ยังไม่มีการทำประตูเกิดขึ้น ให้เลือกแทงบอลต่ำทันที โดยพุ่งเป้าไปที่ราคาสูงสุด ในการแข่งขันแต่ละครั้ง จะมีเวลาครึ่งละ45 นาทีในการเลือกแทงบอลต่ำนั้นจะมีโอกาสน้อยมากที่เกมส์จะพลิก ถ้าหากแทงบอลต่ำนั้นโอกาสที่จะชนะนั้นจะมีสูงกว่า แต่ก็ต้องวิเคราะห์ปัจจัยอื่นด้วยว่าจะมีปัจจัยใดเสี่ยงต่อการแพ้หรือไม่
• ช่วงเวลาในการแทงบอลนั้น นิยมเล่นเฉพาะครึ่งแรกเท่านั้น หากเล่นนานไปก็จะยิ่งวางเดิมพันสูงขึ้นจนได้ไม่คุ้มเสีย หันไปลุ้นทีมอื่นบ้างจะดีกว่า ในการเล่นพนันบอลต้องบอกเลยว่ามีความเสี่ยง แต่ถ้าหากว่าเราเล่นเป็นมันจะง่ายทันที

---

หน้าแรก

ไฮโลออนไลน์

ดอกอัญชัน ถ้าเกิดคุณกำลังมองหาไม้ประดับซักต้น มาตกแต่งให้บ้านของคุณนั้นมีสีหลากหลายและยังสวยงาม

---

 

โดยที่ยังสามารถใช้ประโยชน์ได้อีกด้วยละก็
พวกเราขอเสนอแนะให้ท่านรู้จักกับต้น อัญชัน ไม้เลื้อยตกแต่งที่มากด้วยคุณค่ารวมทั้งรับประกันว่า เป็นที่ชอบใจอกพึงใจกันทุกบ้านทุกเรือน ซึ่งต้นอัญชันนั้นมิได้มีดีเพียงแค่สีน้ำเงินอมม่วง หรือเรียกกล้วยๆว่าสีอัญชันอันสะดุดตาเป็นเอกลักษณ์ ของมันเพียงแค่นั้น
แต่ว่ายังแอบแฝงไปด้วยคุณประโยชน์ทางยา ซึ่งสามารถใช้ได้ทุกเพศทุกวัย เอามาบริโภค หรือ อุปโภคได้ โดยยิ่งไปกว่านั้นถ้าเกิดได้รู้ถึงประโยชน์ที่ได้รับมาจากมันอย่างแท้จริงแล้วละก็ยืนยันได้ว่าคุณอาจ ต้องการจะปลูกมากขึ้นอีกหลายๆต้นอย่างยิ่งจริงๆ

ต้นอัญชัน มีชื่อด้านวิทยาศาสตร์ว่า Clitoria ternatea L มีถิ่นเกิดอยู่ในประเทศแถบอเมริกาใต้ แต่ว่าถูกนิยมนำมาปลูกในไทยกระทั่งแทบถูกมองดูเป็นพรรณไม้ไทยโบราณไปแล้ว
ซึ่งต้อนอัญชันนั้นถูกจัดอยู่ในเครือญาติไม้เลื้อย ลักษณะต้นเป็นเถา เหมาะสมแก่การปลูกเลื้อยตกแต่งรอบๆที่มีสิ่งของให้ยึดเกาะดังเช่นว่ารั้วบ้าน
ทั้งยังยังเป็นพืชที่เจริญวัยได้ดิบได้ดีถ้าหากอยู่ในพื้นที่เขตร้อน รวมทั้งยังมีคุณลักษณะจัดเป็นไม้ล้มลุกก็เลยดูแลได้ง่ายๆนัก เหมาะสมแก่การปลูกเอาไว้ในเขตบ้านพวกเราเป็นอย่างยิ่ง
โดยดอกแล้วก็ใบจะมีลักษณะใบเป็นใบประกอบ มีดอกสีฟ้า หรือ สีม่วงเข้ม และก็ ออกดอกออกผลลักษณะก็จะคล้ายฝักถั่ว

และก็ทีเด็ดที่มักทำให้ผู้คนต่างพึงใจใน ต้นอัญชัน ซึ่งก็คือดอกสีม่วงเข้ม ซึ่งมีสารแอนโทไซยานิน ข้างในดอก มีส่วนช่วยให้โลหิตไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงเส้นขนต่างๆตามร่างกายให้เติบโตก้าวหน้าเพิ่มขึ้น ก็เลยมักเอามาทาบริเวณแก้ม หรือคาง เพื่อหนวดเคราเจริญวัย
รวมทั้ง เอามาทาขนคิ้วให้เด็ก เพื่อเด็กมีขนคิ้วดกเข้มเมื่อโตขึ้น หรือเอามาทาบนหัวเพื่อผมดกดำ ซึ่งก็ได้ผลแม้กระนั้นไม่เหมือนกันไปสุดแท้แต่คน บางบุคคลก็ได้ผลมากมาย หรือบางบุคคลก็ได้ผลน้อย

รวมทั้งอีกหนึ่งคุณประโยชน์เด่นของ ดอกอัญชัน ซึ่งก็คือการมีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการบำรุงสายตา เหมาะสมกับผู้ที่ตาฝ้าฟาง จากการทำงานกับจอคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวัน
หรือผู้ที่มีโรคทางสายตา อย่างโรคต้อกระจก ต้อหิน ตาเสื่อมจากเบาหวานได้ เนื่องด้วยมีสารแอนโทไซยานิน ซึ่งช่วยชูระตุ้นการไหลเวียนเส้นเลือดขนาดเล็กข้างในดวงตาได้ ทำให้การมองเห็มของคุณ แจ่มใสแจ่มแจ้งขึ้น

นอกเหนือจากนี้ส่วนอื่นๆของต้นก็ใช้เป็นยาได้ด้วยเช่นเดียวกัน อีกทั้ง ราก ซึ่งใช้ในลัษณะของการช่วยทุเลาอาการตาเฉอะแฉะ ตามัว ด้วยการนำไปรากไปถูกับน้ำไม่ หรือน้ำฝน หยอดลงบนดวงตา (เป็นความเชื่อแผนโบราณ ซึ่งในตอนนี้ที่มีอีกทั้งสารเคมีรวมทั้งมลพิษที่เปลี่ยน รวมทั้งวิธีทำจะต้องมีความสะอาดสูงไม่แปดเปื้อนเชื้อ ด้วยเหตุนั้นวิธีแบบนี้ไม่สมควรที่จะกระทำเองโดยพละการซึ่งส่งผลเสี่ยง)
และก็เม็ดก็ยังคงใช้เป็นยาระบายเจริญอีกด้วย

ดังนี้เว้นแต่ความสวยสดงดงามแต่งแต้มบ้าน รวมทั้งคุณประโยชน์ทางยาแก้อาการทางสายตาหรือปลูกขนแล้ว ดอกอัญชัน ยังนิยมใช้ตกแต่งบนจานของกิน หรือ ของหวาน ในภัตาค้างรหรู
รวมทั้งการนำสีจากดอกอัญชันไปผสมของกินจำพวกต่างๆทั้งยังการใส่ลงไปในหม้อหุงข้าวเพื่อเพิ่มสีสัน หรือใส่ลงในแป้งของหวาน ทั้งยังนำไปล้างเพื่อทานสดคู่กับของกินต่างๆได้
พูดได้ว่า ประยุกต์ใช้คุณประโยชน์ได้อย่างพร้อม ทราบอย่างงี้แล้ว คงจะต้องหามาปลูกไว้ที่บ้าน ซัก 2-3 ต้นซะแล้ว

---

หน้าแรก

2 อย่างที่หงส์ต้องรีบปรับ

7 ความเป็นจริงของสไปเดอร์แมน  หรือ ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ เป็นอีกผู้แสดงที่เป็นหน้าเป็นตาของค่าย Marvel เลยก็ว่าได้

---

 

 โดยผู้แสดงนี้ปรากฎตัวหนแรกในหนังสือการ์ตูน Amazing Fantacy เล่มที่ 15 วางขายในเดือน เดือนสิงหาคม ปี ค.ศ.1962 การ์ตูนเรื่อง Spiderman จะเกิดเรื่องราวของผู้เรียนวัยรุ่นที่ถูกกัดโดยแมงมุมที่แปดเปื้อนกัมมันตภาพรังสี ก็เลยทำให้เขาได้รับพลังซุปเปอร์วีรบุรุษมา
คาแรคเตอร์ของ ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ นอกเหนือจากการที่จะมีพลังเหนือมนุษย์รวมทั้งประสาทสัมผัสพิเศษ ซึ่งได้มาจากการโดนแมงมุมกัดแล้ว เขายังเป็นคนเฉลี่ยวฉลาดเรียนเก่งอยู่ในระดับต้นๆของสถานศึกษา เขายังมีความเข้าใจในเรื่องวิทยาศาสตร์รวมทั้งยังมีความถนัดสำหรับในการประดิษฐ์สร้างสรรค์อีกด้วย นอกเหนือจากนั้นยังเป็นคู่รักความถูกต้องชัดเจนถึงกับขนาดยอมสละชีพตนเองได้อย่างยิ่งจริงๆ 
เอาเพียงแค่เรื่องนิสัยเพียงอย่างเดียวก็มากพอที่จะทำให้คู่รักนักแสดงตัวนี้ได้แล้วล่ะ แม้กระนั้นก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่แฟนๆหลายๆคนบางครั้งก็อาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อนไปถ้างั้นก็อ่านกันได้เลย

เขาเป็นซุปเปอร์วีรบุรุษวัยรุ่นคนแรก
เขาผู้แสดงวัยรุ่นคนแรกที่ “ตั้งตัวเป็นซุปเปอร์วีรบุรุษเองโดยที่มิได้มีฐานะเป็นผู้ช่วยของคนไหนกันแน่มาก่อน”ถ้าเกิดให้ยกตัวอย่างผู้แสดงที่เป็นผู้ช่วยของคนอื่นๆก็มี“โรบิ้น” สถานที่สำหรับทำงานร่วมกับกางทแมนยังไง ในแต่ก่อนผู้แสดงวัยรุ่นหลายตัวมักเริ่มจากการเป็นผู้ช่วยของซุปเปอร์วีรบุรุษคนอื่น

ทีแรกๆบรรณาธิการของ Marvel ไม่ค่อยถูกใจสไปเดอร์แมน
ช่วงแรก มาร์ติน กู๊ดแมน ซึ่งครองตำแหน่งบรรณาธิการของ Marvel ในสมัยนั้นเพียงแค่เกลียดชังคอนเซ็ปต์ของเรื่องราวเฉยๆที่เขาไม่ค่อยถูกใจโน่นก็เนื่องจากในยุคนั้นมีผู้ป่วยเป็นโรคกลัวแมงมุมกันเยอะแยะ แล้วก็เขากลัวว่าผู้แสดงนี้จะไปไม่รอด

แนวทางเขียนชื่อที่ถูก!!!
อันที่จริงแล้วเป็น Spider-Man ครับพวกเราจะต้องใส่ขีดคั่นไว้กึ่งกลางด้วยถึงจะถูก โดยต้นเหตุที่เขาตกลงใจตั้งชื่อที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่า สแตน ลี เกรงว่าถ้าเกิดเขียนเป็น Spiderman ชิดกัน จะไปทำให้คนอ่านบางบุคคลกำเนิดความสับสนกับชื่อ Superman ได้นั่นเอง

ลูกชายของสาย!!!
เรื่องราวในการ์ตูนคุณพ่อและก็คุณแม่ของปีเตอร์เป็นสายสองหน้าซึ่งก็โดนโจรฆ่าตายทั้งสอง โดยในขณะที่ทั้งคู่คนถูกฆ่าตายนั้น ปีเตอร์ ก็ได้ถูกเอาไปฝากไว้ที่บ้านของป้าเมย์รวมทั้งคุณลุงเบนเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว(คุณลุงเบนเป็นพี่ชายแท้ๆของบิดา) คุณลุงรวมทั้งป้าทั้งคู่คนไม่มีลูกเป็นของตนเอง ก็เลยได้รับเลี้ยงปีเตอร์เอาไว้ภายหลังที่บิดามารดาของเขาเสียชีวิต

การได้เจอกับซุปเปอร์แมน
ในปี ค.ศ. 1981 สถานที่พิมพ์ Marvel รวมทั้ง สถานที่พิมพ์ DC Comics ได้ร่วมมือกันเผยแพร่หนังสือการ์ตูนเรื่อง Superman and Spider-Man ส่วนผู้ที่มาช่วยเขียนเรื่องราวก็ไม่ใช่คนใดกันแน่เขาเป็น Marv Wolfman คนแต่งการ์ตูนเรื่อง Teen Titans และก็เป็นผู้ร่วมก่อร่างสร้างตัวละครชื่อ Blade ซึ่งเป็นนักล่าแวมพ์ไพร์นั่นเอง 

คนโปรดของผู้นำ
สไปเดอร์แมนเป็นซุปเปอร์วีรบุรุษที่ บารัก โอบามาอดีตกาลประธานาธิปดีผู้ที่ 44 ของอเมริการู้สึกชื่นชอบสูงที่สุด โดยท่านผู้นำพูดว่าในวัยเด็กท่านเติบโตขึ้นมาพร้อมทั้งการอ่านหนังสือการ์ตูน รวมทั้งที่หลายท่านยังไม่เคยทราบเป็นมีการแต่งเรื่องราวให้สไปเดอร์แมนได้เจอกับผู้นำ โอบามา จริงๆในหนังสือการ์ตูน The Amazing Spider-Man ฉบับที่ 583

ระดับความแข็งแกร่งของสไปเดอร์แมน
ปีเตอร์ ขว้างร์กเกอร์ มีปฎิกิริยาสนองตอบที่เร็วกว่าคนสามัญ40 เท่า มีความเร็วมากยิ่งกว่าลูกกระสุน และก็ประสาทสัมผัสแมงมุมก็ทำให้ไม่ค่อยมีคนใดจู่โจมโดนตัวเขาได้อย่างง่ายดายแม้กระทั้งพวกซุปเปอร์วีรบุรุษร่วมกันก็เถิด เขาสามารถชูของหนักได้ถึง 10 ตัน ส่วนใยแมงมุมจะมีความเหนียวแล้วก็มีความแข็งแรงมากยิ่งกว่าเส้นเหล็กที่มีขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลางที่มีขนาดเสมอกันถึง 5 เท่า และก็หรูหราความยืดหยุ่นซึ่งสามารถรับแรงดึงได้มากกว่า 178 กิโล/ตารางมม.

---

หน้าแรก

ดอกอัญชัน

2 อย่างที่หงส์ต้องรีบปรับ ลิเวอร์พูล ยอดทีมสโมสรยักใหญ่จากเวทีพรีเมียร์ลีก

---

 

อังกฤษที่ดูเหมือนว่าเริ่มต้นออกสตาร์ทฤดูกาลพรีเมียร์ลีก 2018/19 ได้อย่างยอดเยี่ยมโดยยังสามารถรักษาสถิติไม่แพ้ใครในลีกไว้ได้ถึง 8 เกมด้วยกันนั่นทำให้หลายฝ่ายต่างมองว่าในฤดุกาลนี้อาจจะเป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่ลิเวอร์พูลจะได้ร่วมลุ้นแชมป์มากที่สุดอีกหนึ่งฤดูกาลแต่แล้วก็ดูเหมือนว่าจากสามเกมหลังสุดของลิเวอร์พูลจะเริ่มมีฟอร์มการเล่นที่เริ่มจะตกต่ำลงเรื่อยๆ โดยลิเวอร์พูลยังไม่สามารถเก็บชัยชนะได้เลยในเกม 3 นัดหลังสุดหากเป็นอย่างนี้ต่อไปการหวังแชมป์ก็คงจะยาก ฉะนั้นวันนี้เรามาเจาะ 2 ปัญหาที่ลิเวอร์พูลจะต้องรีบทำการแก้ไขให้ได้หากอยากที่จะครองแชมป์ปีนี้

โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่กับซาดิโอ มาเน่ จะต้องทำผลงานให้ดีมากกว่านี้เนื่องจากว่าในฤดูกาลนี้จะเห็นได้ว่าโมฮาเหม็ด ซาลาห์ดาวเตะอียิปต์โดนคู่แข้งประกบติดมากขึ้น ทำให้เจ้าตัวเล่นไม่ออกแต่ถึงอย่างไรก็ตามการที่คู่แข่งตามประกบติดซาลาห์นั่นก็จะทำให้ทั้งฟีร์มีโน่และมาเน่มีพื้นที่ในการเล่นเกมรุกได้มากขึ้น ซึ่งหากว่าทั้งสองสามารถฉวยโอกาสได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดีแต่ทว่าจากที่ผ่านมาดูเหมือนว่าทั้งฟีร์มีโน่และมาเน่เองก็ยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควรเหมือนกับในฤดูกาลที่แล้วที่ทั้งสามประสานเกมรุกของลิเวอร์พูลทำไปได้ถึง 91 ประตู ซึ่งหากฤดูกาลนี้ทั้งสามคนเค้นฟอร์มเก่งออกมาได้อีกครั้งก็ไม่น่าจะใช่เรื่องยากที่จะพาลิเวอร์พูลประสบความสำเร็จ

ฟอร์มการเล่นของโมฮาเหม็ด ซาลาห์นี่เป็นสิ่งที่ลิเวอร์พูลอาจจะต้องรีบแก้ไขให้ได้โดยด่วน แน่นอนว่าซาลาห์ในซีซั่นนี้แตกต่างออกไปจากเมื่อฤดูกาลที่แล้วเป็นอย่างมากโดยในฤดูกาลที่แล้วเป็นฤดูกาลแรกที่ซาลาห์เริ่มเล่นในกับลิเวอร์พูลแน่นอนว่าคู่แข่งหลายทีมอาจจะยังไม่เห็นประสิทธิภาพของซาลาห์แต่เมื่อจบฤดูกาลทุกทีมก็เป็นที่ประจักรแล้วว่าในฤดูกาลนี้จะต้องทำการประกบซาลาห์ให้อยู่หมัดหากหวังที่จะได้รับชัยชนะ ซึ่งฤดูกาลนี้จะเห็นได้ว่าซาลาห์เล่นไม่ออกเลยเนื่องจากว่าโดนคู่แข่งเข้าบีบแบบประกบชนิดไปไหนไปด้วย ทำให้ลดโอกาสในการเล่นของซาลาห์ลงไป หากว่าลิเวอร์พูลสามารถแก้เกมและฉวยโอกาสจากจังหวะที่คู่แข่งตามประกบติดซาลาห์มาได้การจบสกอร์ก็ไม่น่าเป็นเรื่องที่ยากสำหรับแนวรุกของลิเวอร์พูล

---

หน้าแรก

เจ้าของบ่อนไพ่

      4 เมนูอาหารเจเพื่อสุขภาพ    ในช่วงนี้ก็เข้าสู่ “เทศกาลกินเจ” แล้ว ใครที่มีเชื้อสายจีนหรืออยากรับประทานมังสวิรัติเพื่อลดปริมาณการรับประทานเนื้อสัตว์

---

 

ก็เป็นโอกาสที่ดีค่ะ และเป็นการทำบุญอีกอย่างหนึ่งด้วย เพราะไม่ได้รับประทานเนื้อสัตว์ที่ถูกนำมาทำเป็นอาหารให้เรารับประทานนั่นเองค่ะ แต่กินเจทั้งที กินและต้องให้ได้สุขภาพควบคู่ไปด้วย วันนี้เราก็เลยมานำเสนอ เมนูที่ทำง่าย ๆ แต่รับประทานแล้วได้สุขภาพดี ดังนี้ค่ะ

สลัด

          แน่นอนว่า “สลัด” นั้นเป็นเมนูที่ประกอบไปด้วยผักหลากหลายชนิด ซึ่งจะช่วยให้เรามีร่างกายแข็งแรง แต่เมนูสายสุขภาพแบบนี้ก็ยังแฝงไปด้วยตัวการร้ายกาจ นั่นก็คือ “น้ำสลัด” นั่นเองค่ะ เวลาเราซื้อสลัดผักส่วนใหญ่ก็จะได้น้ำสลัดแบบครีม ซึ่งมีแคลอรี่สูง และมีส่วนผสมของไข่ ซึ่งถือว่าผิดกฎของการกินเจ คุณจึงควรเปลี่ยนเป็นน้ำสลัดงาแบบญี่ปุ่น หรือจะเลือกเป็นน้ำสลัดแบบใส จึงจะได้ประโยชน์และแคลอรี่ต่ำค่ะ

ผัดผักรวม

          อีกเมนูอาหารที่ใช้รับประทานเป็นกับข้าว ก็คือ ผัดผัก นั่นเองค่ะ แน่นอนว่าจะได้รับประโยชน์จากผักหลากหลายชนิดแน่นอน หากคุณชอบรับประทานผักอยู่แล้ว ก็ถือว่าเป็นเมนูที่ดีเลยทีเดียว หากอยากใส่เนื้อสัตว์ ขอแนะนำว่า ควรใส่เห็ดเจแทนเนื้อสัตว์ ก็จะได้ทั้งรสชาติที่ดี และกลิ่นหอมเฉพาะตัว รับรองว่าไม่มีเบื่อแน่นอนค่ะ แต่ถ้าใครที่ไม่ชอบรับประทานผัก อาจจะเริ่มจากผักที่มีรสชาติรับประทานง่าย ๆ อย่าง แครอต บล็อกโคลี่ หรือกะหล่ำปลีก็ได้ค่ะ

แกงจืด

          “แกงจืด” ก็เป็นอีกเมนูที่ทำง่ายเช่นเดียวกัน สามารถใช้ผักได้หลายชนิด แต่ถ้าใครยังติดเนื้อสัตว์อยู่หรืออยากที่จะใส่ส่วนผสมอื่นให้มีรสชาติ ก็อาจใส่เต้าหู้ขาวลงไป ในส่วนเนื้อสัตว์นั้น คุณก็สามารถใส่โปรตีนเกษตรทดแทนได้ แต่แนะนำว่า ให้ใส่ในปริมาณที่พอเหมาะ เนื่องจากโปรตีนเกษตรทำมาจากแป้ง ทำรสชาติเลียนแบบเนื้อสัตว์หลากหลายชนิด ถ้ารับประทานมากเกินไป อาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ค่ะ

ส้มตำเจ

          ใครว่ากินเจจะแซบไม่ได้? มาเลยค่ะ สำหรับส้มตำเจนั้น แน่นอนว่าเนื้อสัตว์ทั้งหลาย อย่าง ปู กุ้งแห้ง ปลาร้า ก็เป็นส่วนผสมต้องห้าม แต่คุณก็สามารถทำให้รสชาติอร่อยได้ด้วยผักที่รสชาติอร่อย อย่างข้าวโพด มะม่วง จะช่วยเพิ่มความกรุบกรอบน่าทานมากขึ้น แต่ที่สำคัญ คือ ไม่ควรปรุงรสของส้มตำให้จัดจ้านจนเกินไปนะคะ เพราะนั่นไม่ดีต่อสุขภาพ รวมถึงไม่ควรใส่ผงชูรสอีกด้วย เมนูเผ็ด ๆ แซบ ๆ แบบนี้ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้อย่างดีเลยล่ะค่ะ

น้ำเต้าหู้

          รับประทานอาหารกันเสร็จแล้ว หันมาที่เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอย่าง “น้ำเต้าหู้” กันบ้างค่ะ ใครที่แพ้นมสดก็รับประทานได้ และที่สำคัญยังได้โปรตีนดีที่เข้ามาทดแทนเนื้อสัตว์อีกต่างหากค่ะ ข้อที่ควรระวังก็คือ ควรดื่มน้ำเต้าหู้ในแบบหวานน้อยค่ะ เพราะน้ำตาลก็ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้เช่นเดียวกันนะคะ

นอกจากนี้ เครื่องดื่มอย่างน้ำเต้าหู้ ก็สามารถนำไปดัดแปลงเป็นขนมหวานได้หลากหลายเมนู อย่างเต้าหู้เย็น ไอศกรีมน้ำเต้าหู้ พุดดิ้ง และอีกมากมาย ใครที่ชอบดัดแปลงอาหารคงจะชอบไม่น้อย และยังทำให้เกิดความหลากหลาย ไม่น่าเบื่ออีกด้วยค่ะ

---

หน้าแรก

อังกฤษรุ่นใหม่

ปราสาท อาชิคางะชิยากาตะ  ประเทศญี่ปุ่น นั้นนับว่าเป็นอีกหนึ่งในดินเเดนที่เป็นอู่อารยธรรมโบราณเป็นอย่างยิ่ง

---

 

เเละหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่เเสดงถึงอารยธรรมของพวกเขาก็คือปราสาทญี่ปุ่น ที่มีทั้งความสวยงามเเละความเเข็งเเกร่งรวมอยู่ในตัวเอง เเม้ว่าในปัจจุบันนั้นจะหลงเหลือปราสาทญี่ปุ่นจากยุคดั้งเดิมเพียงไม่กี่หลังก็ตาม เเต่ว่าทุกๆ หลังนั้นก็เเสดงคุณค่าเเละมนต์เสน่ห์ของมันออกมาให้นักท่องเที่ยวที่มีโอกาสได้มาสัมผัสต่างก็ต้องประทับใจ โดยอย่างที่ อาชิคางะชิ ยากาตะ นั้นก็นับว่าเป็นปราสาทดั้งเดิมที่มีความสวยงามเเละเป็นต้นเเบบของปราสาททั่วไปในญี่ปุ่นเลยทีเดียว

Ashikagashi Yakata นั้นตั้งอยู่ที่เมืองอาชิคางะ ในจังหวัดโทชิกิ ซึ่งยู่บริเวณภูมิภาคคันไซ ไม่ไกลจากกรุงโตเกียวมากนัก เป็นปราสาทญี่ปุ่นโบราณที่มีความเเปลกเเละไม่เหมือนใครเลยก็ว่าได้ โดยสร้างมานานกว่า 1,000 ปีมาเเล้ว โดยไม่สามารถระบุปีที่สร้างได้อย่างเเน่ชัด เเต่สร้างโดย อาชิคางะ โยชิคาเนะ ซึ่งตระกูลอาชิคางะนั้นในอดีตถือว่าเป็นตระกุลใหญ่เเละดำรงตำเเหน่งโชกุนจนถึงยุคเซนโกกุเลยทีเดียว ซึ่งในช่วงเวลานั้นยังไม่สิ่งก่อสร้างที่เป็นรูปลักษณ์เเบบปราสาทญี่ปุ่นที่เห็นในปัจจุบัน เเต่ที่นี่ก็ได้มีการสร้างบนพื้นที่ราบ เเละมีการขุดคู่น้ำล้อมทั้ง 4 ด้านเอาไว้ เพื่อป้องกันข้าศึกเเละมีการสร้างประตูทางเข้าขนาดใหญ่ด้วยไม้ท่อนใหญ่พร้อมเเนวกำเเพงไม้ที่ปัจจุบันนั้นไม่เหลือสภาพให้เห็นเเล้ว

นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมความสวยงามของปราสาท  อาชิคางะชิ ยากาตะ นั้นอาจจะไม่ได้ยินชื่อนี้ เพราะปัจจุบันนั้นบริเวณที่ตั้งได้เปลี่ยนมาเป็นวัดบันนาจิ ตั้งเเต่สมัยของ อาชิคางะ โยชิคาเนะ เเล้ว เเต่สิ่งก่อสร้างหลักอย่างประตูขนาดใหญ่นั้นยังอยู่ เเสดงให้เห็นถึงความสวยงามเเละงานสถาปัตยกรรมในยุคนั้นได้อย่างชัดเจน ส่วนทางด้านของเเนวคูน้ำทั้ง 4 ด้านนั้นก็ยังคงอยู่ เเละได้รับการบูรณะให้มีความสวยงาม ส่วนเเนวกำเเพงไม้เเละหอรบเดิมนั้นไม่หลงเหลือให้เห็นเเล้ว

หลังจากผ่านประตูใหญ่เข้าไปในบริเวณของ Ashikaga Yoshikane จะมีเเต่ความรบรื่นเเละสงบ เเต่การจัดวางกลุ่มอาคารภายในวัดนั้นก็เป็นตินเเบบของการสร้างปราสาทญี่ปุ่นในยุคต่อๆ มาอย่างชัดเจนเลยทีเดียว โดยสถานที่เเห่งนี้ได้รับการยอมรับให้เป็น 1 ใน 100 ปราสาทของญี่ปุ่นที่สวยงาม เเละเป็นอาคารที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติของชาติญี่ปุ่นอีกด้วย เเถมการเดินทางสำหรับนักท่องเที่ยวในการมาเที่ยวชมยังสถานที่ท่องเที่ยวเเห่งนี้ก็สะดวกสบายอีกด้วย

การเดินทางมาเที่ยวที่ อาชิคางะชิ ยากาตะ นั้นสามารถใช้บริการของรถไฟสาย Tobu Isezaki Line จากสถานีรถไฟโตเกียว โดยมาลงที่สถานีรถไฟอาชิคางะชิ หรือจะใช้บริการของรถไฟสาย JR Ryomo Line โดยมาลงที่สถานีรถไฟอาชิคางะชิ เช่นเดียวกัน หลังจากนั้นก็เดินต่ออีกประมาณ 10-15 นาทีก็จะถึงเเล้ว

---

หน้าแรก

4 เมนูอาหารเจเพื่อสุขภาพ

ดวงตา กับ แสงหน้าจอ  ชีวิตไอทีในปัจจุบัน แทบจะหลีกเลี่ยง แสงจากหน้าจอไม่ได้เลย

---

 

ไม่ว่าจะแสงคอมพิวเตอร์ หรือ แสงจากสมาร์ทโฟนในการใช้ทำงาน เล่นเกม ดูหนังออนไลน์ หรือกิจกรรมต่างๆ ที่แทบจะต้องเจอกับแสงสีฟ้านี้ตลอดทั้งวัน ซึ่งมันอาจส่งผลกระทบทำให้ดวงตาของคุณล้าได้

และ มันอาจตามมาด้วยโรคภัยทางดวงตา ทางที่ดีคุณควรหาทางดูแลรักษาดวงตา หรือหลีกเลี่ยงการเผชิญกับแสงสีฟ้าโดยเฉพาะการเผชิญเกือบตลอดทั้งวัน เพื่อรักษาอายุการใช้งานของดวงตาคุณให้สามารถทำงานได้ปกติต่อไป

การทำงานของดวงตาคนเรานั้น จะมีตัวเลนส์ดวงตาภายนอกคอยทำหน้าที่ รวมแสงและส่งไปยังประสาทตา แสดงออกมาเป็นภาพให้เราเห็น

เพราะฉะนั้น การรับแสงเข้าสู่ประสาทตา มากเกินไปตลอดทั้งวัน อาจทำให้ดิดภาวะจอประสาทตาเสื่อมได้ โดยแสงสีฟ้า หรือที่เรียกว่า Blue Light นั้น สามารถพบได้รอบตัว ไม่ว่าจะจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่าง โทรทัศน์ จอคอมพิวเตอร์ สมาร์โฟน หรือแม้แต่ ป้ายไฟโฆษณาหลายประเภท เป็นต้น

ทั้งนี้ ยังมีแสงธรรมชาติจากดวงอาทิตย์ ที่คอยสะท้อนเข้าดวงตาเราในวันที่มีแดดจ้าคอยทำลายดวงตา ซึ่งแสงสีฟ้าจากแหล่งต่างๆเหล่านี้ เป็นแสงที่มีพลังงานสูงและใกล้เคียงกับรังสีอัลตร้าไวโอเลต (UV) โดยจะเป็นอันตรายต่อจอประสาทตาเพิ่มยิ่งขึ้น หากมีการจ้อง เพ่งเล็งเป็นเวลานาน จะทำให้ เริ่มล้า เริ่มมีอาการระคายเคือง ปวดตา หากหนักเข้า จะเริ่มตาพร่า การมองเห็นเริ่มไม่สู้แดดนักหรืออาจมองเห็นภาพซ้อนได้ หากปล่อยไว้ อาจนำไปสู่โรคจอประสาทตาเสื่อม อันเป็นที่มาของอาการตาบอดได้ ซึ่งไม่ได้จำกัดในแต่เฉพาะผู้สูงอายุเท่านั้น

ทางที่ดี หากมีอาการทางตาที่สังเกตได้ถึงความผิดปกติ ควรหลีกเลี่ยงพร้อมเปลี่ยนพฤติกรรมประจำวัน อันเป็นเหตุในการทำลายดวงตาให้น้อยที่สุด และหากเป็นไปได้ควรเข้าพบแพทย์ในทันที

นอกจากนี้หากอุปกรณ์ที่ใช้สามารถตั้งค่าลดแสงจ้าของหน้าจอได้ก็ควรที่จะทำการปรับแสงลดลงให้เข้ากับการมองเห็นแบบปกติของคุณ ให้อยู่ในลักษณะไม่สว่างเกินไป แต่ก็ไม่มืดจนเกินไป เพื่อไม่ให้ดวงตานั้นทำงานหนัก อีกทั้งหากพบเจอตัวหนังสือที่มีขนาดเล็ก ก็ไม่ควรฝืนอ่าน ให้ปรับขนาดอักษรให้ใหญ่ตามความถนัด จะสบายต่อดวงตามากขึ้น

อีกทั้งควรบริหารการพักให้เหมาะสม หากคุณรู้สึกว่า ใช้เวลาในการจ้องหน้าจอ นานมากแล้ว ให้สลับ มามองสิ่งอื่นๆรอบตัวบ้าง หากเป็นต้นไม้ที่มีสีเขียวละก็ จะส่งผลดีต่อดวงตาของเรามาก เฉลี่ยแล้วควรทำในทุกๆ 1- 2 ชั่วโมง เป็นอย่างต่ำ

และอย่าลืมการกระพริบตาเป็นระยะ เพราะจะช่วยให้มีน้ำหล่อเลี้ยงดวงตาอยู่ตลอดต่อการใช้งาน สุดท้ายแล้วสิ่งที่มีผลกับดวงตามากที่สุดคือ การอย่าเล่นสมาร์ทโฟนในที่มืดบนเตียงก่อนนอน เพราะจำทำให้ดวงตาทำงานหนักมากกว่าปกติ ในการเผชิญกับแสงจ้าในที่มืดนับเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง

---

หน้าแรก

ปราสาท อาชิคางะชิยากาตะ

รวมวิธีซัก-ทำความสะอาดพรมง่าย ๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้านหลังไหนอย่างน้อยต้องมีพรมเช็ดเท้าสักผืนหนึ่งล่ะนะ

---

การทำความสะอาดพรมก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เวลามีอาหารหรือเครื่องดื่มหกใส่ทีก็งานเข้า ทิ้งไว้นานก็กลายเป็นคราบฝังแน่น ทำให้พรมดูสกปรกไม่น่าใช้งานไป  เป็นที่สะสมของเชื้อโรคไปอีก  วันนี้เราจึงรวบรวมวิธีการซัก-ทำความสะอาดพรมแบบง่าย ๆ  ทำได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องส่งร้านซักมาฝากกันหลายวิธีเลยค่ะ  มาดูกันทีละข้อเลย

 

1. ใช้เครื่องดูดฝุ่นพรม

วิธีเบสิคพื้นฐานที่แทบทุกคนจะนึกออก  เพราะพรมเป็นวัสดุที่กวาดไม่ได้  หากมีเศษขนม เศษขี้ดิน หรือฝุ่นในบ้าน ก็ให้เอาเครื่องดูดฝุ่นดูดออกไปให้หมดก็เรียบร้อย

 

2. เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง

เหมาะสำหรับคราบของเหลวหรือคราบที่เปรอะเปื้อนหนัก ๆ หน่อย  ไม่ว่าจะเป็นปัสสาวะน้องหมา หรือของลูก ๆ  คราบอาหารเหลว คราบอาเจียน  โดยนำเอาพรมมาไว้กลางแจ้งนอกบ้านแล้วราดน้ำลงไป โรยผงซักฟอกให้ทั่ว  เอาแปรงถูนำไปเล็กน้อยเน้นบริเวณที่มีคราบเยอะ ๆ  แล้วเอาเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงมาฉีดเลยค่ะ ฉีดไล่คราบไปเรื่อย ๆ จนกว่าสิ่งสกปรกจะหลุดออก  เรียบร้อยแล้วก็นำไปตากแดดให้แห้ง

 

3. ทำความสะอาดคราบน้ำมันบนพรม

คราบน้ำมันบนพื้นธรรมดาก็ว่ายากแล้ว  นี่หกบนพรมก็ยิ่งยากไปใหญ่ แต่เรามีวิธีค่ะ  เพียงนำเอาผ้าหรือกระดาษหนังสือพิมพ์มาวางทับไปบนคราบน้ำมันบนพรมแล้วเปิดเตารีดให้ร้อนที่สุด ถูไปมาบนผ้าสักครู่  กระดาษก็จะดูดซับเอาน้ำมันไว้  ทำไปเรื่อย ๆ จะเปลี่ยนผ้าหรือกระดาษบ่อย ๆ ด้วยก็ได้ ถูไปจนกว่าน้ำมันจะถูกซับออกไปมากที่สุดแล้วค่อยไปซัก   แต่หากเป็นพรมที่ปูติดพื้นห้อง ถอดออกไปซักไม่ได้  ให้ใช้วิธีโรยแป้งเด็กหรือผงฟูลงไปบนคราบ ทิ้งไว้หนึ่งคืน  เช้ามาก็ใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดออกไป จะเหลือคราบน้ำมันอยู่เล็กน้อย  ให้ละลายน้ำยาซักผ้ากับน้ำแล้วราดไปบนคราบทิ้งไว้สักครู่แล้วซับออกด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ให้แห้งที่สุด  แล้วจึงเป่าให้แห้งด้วยพัดลมหรือไดร์เป่าผม

 

4. คราบหมากฝรั่งติดพรม

คราบหมากฝรั่งเหนียวหนับติดพรมแต่ไม่ต้องหนักใจค่ะ  วิธีแก้ไขง่ายมาก โดยให้นำน้ำแข็งใส่ถุงบาง ๆ แล้วไปวางทับไว้บนคราบหมากฝรั่งให้แข็งตัว  แล้วก็เอาช้อนมาขูดออกไปเท่านี้ก็เรียบร้อยแล้วค่ะ

 

5. คราบชา กาแฟ เครื่องดื่มต่าง ๆ รวมไปถึงคราบสนิมบนพรม

ในห้องทำงานหรือห้องประชุมมักมีคราบชา กาแฟ เครื่องดื่มต่าง ๆ หยดเป็นดวง ๆ  วิธีจัดการก็ให้นำน้ำยาซักผ้าผสมกับน้ำเปล่า แล้วเทลงไปบนรอยเปื้อน ถูด้วยแปรงเล้กน้อย แล้วซับออกด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์  หากยังเหลือคราบจาง ๆ อยู่ก็ให้เช็ดด้วยน้ำส้มสายชูผสมกับน้ำ แค่นี้รอยเปื้อนก็จะหายไปแล้วค่ะ  ซึ่งการเช็ดด้วยน้ำส้มสายชู (หรือน้ำมะนาว) ผสมน้ำนี้ สามารถเช็ดถูคราบสนิมบนพรมได้ด้วย

 

6. คราบอาเจียนบนพื้นพรม

เวลาพาลูก ๆ ขึ้นรถไปข้างนอก เด็ก ๆ อาจเมารถแล้วอาเจียนใส่พรมบนรถได้ ถ้านำรถเข้าคาร์แคร์คงจะเสียเงินหลายตังค์แน่ๆ  ลองซักเองก่อนดีกว่า  ขั้นแรกให้คุณตักเศษอาหาร เศษอาเจียนออกไปให้หมดแล้วใช้ผ้าชุบน้ำมาเช็คคราบต่าง ๆ ออกให้มากที่สุด  แล้วผสมน้ำยาซักผ้า (หรือน้ำยาล้างจาน) กับน้ำยาปรับผ้านุ่ม  แล้วเอามาเช็คอีกรอบ  อาจใช้แปรงถูพรมด้วยก็ได้  เรียบร้อยแล้วก็ให้เช็ดด้วยน้ำอุ่นหลายๆ รอบจนกว่าจะสะอาด  เปิดพัดลมเป่าให้แห้งหรือจะถอยรถออกไปตากแดด แล้วเปิดประตูระบายอากาศ จนกว่าจะแห้ง  แค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อย ไม่ต้องเสียเงินให้ร้านซักพรมแล้วหรือร้านล้างรถแล้วนะ

 

เก็บเอาเทคนิคดี ๆ เหล่านี้ไว้ใช้กันดูนะคะ  จะได้ไม่ต้องไปเสียเงินให้ร้านซักพรมแพงๆ อีกต่อไปค่ะ

---

หน้าแรก

ดวงตา กับ แสงหน้าจอ

สารพันปัญหาชวนปวดหัว สำหรับคนที่อยู่อาศัยในเมืองใหญ่  การลงทุนซื้อบ้านกลางเมืองสักหลัง

---

คงเป็นเรื่องที่หนักหนาไม่น้อย เพราะเดี๋ยวนี้ราคาบ้านเดี่ยวหรือกระทั่งทาวน์เฮ้าส์นั้น ไปไกลมาก กำเงินไว้สัก 5 ล้านยังไม่แน่ใจเลยว่าจะซื้อได้หรือไม่  ดังนั้นหนุ่มสาวชาวเมืองทั้งหลายจึงหันมามองกันที่คอนโดมิเนียมมากขึ้น  เพราะราคาอยู่ในเกณฑ์ที่จับต้องได้ การเดินทางแม้จะไม่มีรถส่วนตัวแต่ก็ยังสะดวก  แต่ก่อนจะตกลงใจซื้อ ลองพิจารณาดูดี ๆ ก่อน เพราะคอนโดมิเนียมนั้นมีข้อเสียอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ลองพิจารณาดูก่อนค่ะว่าจะรับได้หรือไม่

1. ที่จอดรถน้อยเกินไป จอดรถไม่เพียงพอ

ปัญหาสุดฮิตของคอนโดแทบทุกแห่งก็ว่าได้  (ยกเว้น คอนโดที่การันตีที่จอดรถไว้ทุกห้อง)  เนื่องจากที่จอดรถนั้นเป็นทรัพย์ส่วนกลางที่ทุกคนในคอนโดใช้ร่วมกันได้  ดังนั้นคุณควรศึกษาข้อมูลหรือสอบถามจากเซลล์ให้ชัดเจนว่ามีจอดรถกี่เปอร์เซ็นต์  และทุกห้องจะได้ที่จอดรถทั่วถึงหรือไม่  ต้องเสียค่าที่จอดรถอย่างไร มีมาตรการจำกัดปริมาณรถสำหรับแต่ละยูนิตหรือเปล่า ?  แต่หากคุณไม่ได้ใช้รถ ปัญหานี้ก็คงไม่สำคัญสำหรับคุณ

2. ปัญหาจากเพื่อนบ้าน

นับเป็นอีกปัญหาที่คลาสสิกมาก  เพราะคอนโดมิเนียมเป็นที่รวมอยู่ของหลายสิบหลายร้อยครอบครัว ต่างคนก็ต่างที่มา  ปัญหาจากเพื่อนบ้านที่มักพบบ่อยก็คือปัญหาจากเสียงรบกวน ปัญหาขยะ ปัญหาความสะอาดเรียบร้อย รวมไปถึงปัญหากลิ่นบุหรี่ ที่คนอื่นสูบแต่ควันลอยเข้ามาในห้องเรา  ซึ่งตรงจุดนี้หากนิติบุคคลไม่เข้มแข็งจริง ๆ ก็คงอยู่กันลำบาก

3. น้ำรั่วซึม

ปัญหานี้ยิ่งโครงการเก่าเท่าไร ก็ยิ่งมีปัญหานี้มากขึ้นเท่านั้น  แม้ว่าคุณจะซื้อคอนโดมือหนึ่งก็ตามก็เสี่ยงอาจเกิดปัญหาเนื่องจากการก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐานได้  ในช่วงแรกที่ซื้อคอนโดแล้วยังอยู่ในช่วงประกันปีแรก  ควรตรวจสอบให้ดี ๆ ยิ่งโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน

4. ปัญหาเรื่องลิฟต์ไม่เพียงพอ

เนื่องจากปริมาณของคนอาศัยในตึกมีจำนวนมาก จึงมักมีปัญหาลิฟต์ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน ไม่สามารถขนส่งคนขึ้นลงได้รวดเร็วพอในเวลาเร่งด่วน  ปัญหานี้จะยิ่งเข้มขึ้นขึ้นหากเป็นคอนโดแบบ High Rise  ก่อนซื้อคอนโดควรตรวจเช็คแบบอาคารว่ามีลิฟต์กี่ตัว  จำนวนมาตรฐานของลิฟท์คอนโดมิเนียมจะอยู่ที่ 1:100  หมายความว่าในทุก ๆ 100 ห้อง ควรมีลิฟต์อย่างน้อย 1 ตัว  หากน้อยกว่านี้ก็อาจแออัด ไม่เพียงพอต่อการใช้งานได้

5. สัญญาณโทรศัพท์และสัญญาณอินเตอร์เนต

ยิ่งคอนโดมีขนาดใหญ่เท่าไร คุณยิ่งต้องตรวจสอบตัวอาคารก่อนว่าได้ติดตั้งตัวขยายสัญญาณเพิ่มขึ้นหรือไม่  โดยเฉพาะในคอนโดชั้นสูง ๆ หรือห้องที่อยู่ในจุดอับ มักจะพบกับปัญหานี้เสมอ ๆ

6. ปัญหาการใช้พื้นที่และทรัพย์สินส่วนกลาง

ปัญหาทรัพย์สินส่วนกลางแม้จะไม่ใช่ปัญหาใหญ่โต แต่แทบทุกโครงการก็มักมีปัญหานี้  ด้วยความเห็นแก่ตัวของคนบางคน  ปัญหานี้นอกจากเรื่องของจิตสำนึกแล้ว  ทางนิติบุคคลก็ต้องมีกฎระเบียบที่เข้มงวดด้วย เพื่อให้ทุกคนได้อยู่ร่วมกันได้

7. ลูกบ้านไม่ยอมจ่ายค่าส่วนกลาง

ปัญหานี้ก็เกิดขึ้นแทบทุกโครงการเช่นกัน  เหตุผลก็เป็นเพราะบางทีคนซื้อไว้แล้วไม่ได้มาอยู่อาศัย ก็ไม่ยอมจ่าย หรือให้คนที่มาเช่าจ่ายเอง คนเช่าก็ไม่ยอมจ่ายอีก เป็นต้น   ในส่วนของค่าส่วนกลางนี้มีความจำเป็นสำหรับการดูแลทรัพย์สินส่วนกลางของคอนโด จ่ายค่าแม่บ้าน ค่า รปภ.  ค่าจำกัดขยะ ค่าบำรุงรักษาอื่น ๆ ฯลฯ  หากโครงการเก่าแล้วมีลูกบ้านไม่ยอมจ่ายค่าส่วนกลางหลาย ๆ ห้อง  ในอนาคตก็อาจขายต่อได้ยาก และคอนโดก็จะทรุดโทรมรวดเร็วด้วย

ก่อนที่จะซื้อคอนโดก็ลองนำเอาปัญหาข้างต้นเหล่านี้ไปพิจารณาดู  หากว่ารับได้หรือไม่คิดว่าจะเป็นประเด็น ก็ลุยเลยค่ะ  เพราะการซื้ออสังหาริมทรัพย์ยิ่งซื้อเร็ว ซื้อตอนอายุน้อยเท่าไร ก็ยิ่งกู้ได้นานปีขึ้นเท่านั้น เป็นการบริหารจัดการเงินที่ดีด้วยนะคะ

---

หน้าแรก

รวมวิธีซัก-ทำความสะอาดพรมง่าย ๆ